ทำไมรถยนต์ไฟฟ้า ถึงมาแรง!!

ปัจจุบันการเลือกซื้อรถยนต์มีตัวเลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแบรนด์ค่ายรถยนต์ต่างๆ ประเภทของรถยนต์และที่กำลังเป็นที่สนใจนั้นก็คือ “เรื่องของระบบขับเคลื่อน” ที่ปัจจุบันจะถูกแบบ่งออกเป็น 2 แบบ ใหญ่ๆ ได้แก่…ระบบขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงและระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้านั้นเองครับ  วันนี้เราจะพาทุกๆ ท่านไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “รถยนต์ไฟฟ้า” ว่าเป็นอย่างไร มีกี่แบบ อีกทั้งจะเปรียบเทียบให้ทุกๆ ท่านได้เข้าใจกันมากขึ้นครับ

ทำความรู้จักกับ “รถยนต์ขับเคลื่อนไฟฟ้า”

รถยนต์ไฟฟ้า คือ รถยนต์ที่ใช้แหล่งพลังงานที่มาจากไฟฟ้า โดยใช้พลังงานไฟฟ้าที่เก็บที่แบตเตอรี่รถยนต์ มาใช้เป็นแหล่งพลังงานแทนน้ำมัน  ซึ่งโดยปรกติ รถยนต์จะใช้พลังงานจากน้ำมัน แต่รถยนต์ไฟฟ้าจะใช้พลังงานจากไฟฟ้าในการขับเคลื่อนนั้นเองครับ

เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างรถยนต์ธรรมดากับรถยนต์ไฟฟ้า

●รถยนต์น้ำมันเชื้อเพลิง รถยนต์ที่ใช้กันโดยทั่วไป ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง มีหลากหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามความต้องการของผู้ขับขี่

ข้อดี	ข้อเสีย
สะดวกสบายในการขับขี่ระยะทางไกล มีสถานีให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่หลายจุด น้ำมันใกล้หมดเมื่อไหร่ หาที่เติมน้ำมันได้ง่าย ขึ้นเหนือ ล่องใต้ได้สบายมาก	เครื่องยนต์แต่ละรุ่น แต่ละขนาด มีอัตราในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่แตกต่างกัน และยิ่งถ้าเป็นเครื่องยนต์เก่าหากดูแลรักษาไม่ดีมีอัตราในการเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงสูง และปล่อยก๊าซไอเสียส่งผลให้เกิดมลพิษตามมา
เมื่ออะไหล่เกิดการชำรุดหรือสึกหรอ มีให้เลือกเปลี่ยนได้หลากหลายยี่ห้อ หลากหลายราคา	เครื่องยนต์รุ่นเก่า อาจเกิดปัญหาเครื่องกระชากขณะเร่งเครื่อง และส่งผลให้เกิดเสียงดัง

●รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ไม่ใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิง

ข้อดี	ข้อเสีย
ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ที่บ้าน หรือสถานีบริการน้ำมันที่ให้บริการ	สถานีให้บริการชาร์จไฟฟ้า มีจุดให้บริการยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ไม่สะดวกสบายหากต้องเดินทางในระยะไกล
ประหยัดค่าน้ำมัน	ใช้เวลาในการชาร์จค่อนข้างนานพอสมควรขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่
ลดก๊าซพิษ และไอเสียจากเครื่องยนต์ เพราะขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ	ราคาของรถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้างสูง หากเทียบกับรถยนต์ในท้องตลาดทั่วไป เพราะมาพร้อมเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย จึงมีราคาที่สูงขึ้นไปด้วย
ใช้ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้การขับขี่เบา เงียบ ขับได้สบาย ๆ	ระยะการขับสั้นกว่า

การดูแลแบตเตอร์รี่ของรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกต้อง

●หลีกเลี่ยงการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100%

         จริงอยู่ว่าการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม 100% นั้น จะทำให้เราสามารถขับรถยนต์ไปได้ระยะไกลสูงสุด เท่ากับขนาดแบตเตอรี่ของตัวรถยนต์ แต่พฤติกรรมการใช้งานจนแบตเตอรี่เหลือจนเกือบศูนย์เปอร์เซ็นต์และทำการชาร์จกลับเข้าไปใหม่จนเต็ม 100% นั้นส่งผลให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่นั้นลดลง ซึ่งค่ายรถยนต์บางค่ายได้มีตั้งค่าให้ชาร์จแบตเตอรี่ได้จนถึงแค่ 80 % เปรียบสเมือนการตั้งการ์ดเบื้องต้นให้กับลูกค้า

●อย่าจอดรถยนต์ไฟฟ้าทิ้งไว้กลางแดด

         โดยปกติแล้วรถยนต์ไฟฟ้าจะมีระบบจัดการความร้อนภายในตัวรถอยู่ (Thermal Management) เพื่อรักษาอุณหภูมิของแบตเตอรี่ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม ถ้าหากว่าคุณจอดรถยนต์ทิ้งไว้กลางแดดเป็นระยะเวลานาน ระบบการจัดความร้อนก็จะทำงานอยู่ตลอดซึ่งนั่นก็จะทำให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ในระหว่างการจอดอยู่กลางแดดนั่นเอง

●ไม่ใช้การชาร์จแบบ DC บ่อยจนเกินไป

การชาร์จแบบ DC หรือแบบไฟฟ้ากระแสตรงนั้นช่วยลดระยะเวลาในการชาร์จและเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางไกลให้เราได้พอสมควร แต่ถึงกระนั้น การชาร์จในลักษณะนี้กลับส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ลดลง เนื่องจากการชาร์จลักษณะนี้จะมีการอัดประจุเข้าไปเป็นจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้นนั้นเองครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับ “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่เรานำมาฝากทุกๆ ท่านในเบื้องต้น เราหวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆ ท่านนะครับ