คงปฏิเสธกันไม่ได้เลยนะครับว่า…เทรนด์ของการใช้รถขับเคลื่อนไฟฟ้าเป็นอะไรที่น่าสนใจและน่าจับตามองเป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้ครับ เพราะด้วยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายและการดูแลรักษาตัวรถยนต์ที่สามารถลดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วยครับ บทความนี้จะขอพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “5 แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่น่าจับตามอง” น่าซื้อมาใช้งานกันครับ
รถยนต์ไฟฟ้าคืออะไรและดีอย่างไร?
รถพลังงานไฟฟ้าคือ รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยใช้พลังงานไฟฟ้าซึ่งเก็บอยู่ในแบตเตอรี่หรืออุปกรณ์เก็บพลังงานไฟฟ้าแบบอื่นๆ และด้วยข้อดีของมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้แรงบิดได้ทันทีทำให้รถพลังงานไฟฟ้ามีอัตราเร่งที่เรียบและรวดเร็ว
ข้อดีของการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
●เครื่องยนต์เงียบและอัตราเร่งสูง รถยนต์ไฟฟ้าใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่สู่มอเตอร์เพื่อทำการขับเคลื่อน โดยที่ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์สันดาป ภายในจึงไม่ก่อให้เกิดการเผาไหม้ ทำให้เสียงของการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้านั้นเงียบกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงหลายเท่า และสามารถทำให้มีอัตราเร่งเป็นไปได้อย่างที่ใจต้องการ เพราะไม่มีขั้นตอนการทดเกียร์อีกต่อไป จึงทำให้รถยนต์สามารถตอบสนองในการขับขี่ได้ตามความต้องการของผู้ขับ
●ประหยัดค่าใช้จ่ายและค่าซ่อมบำรุง รถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยคุณประหยัดเงินค่าน้ำมันและค่าซ่อมบำรุง เพราะรถยนต์ชนิดนี้ใช้พลังงานไฟฟ้ามาแทนที่ของน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาสูง เช่นเดียวกันกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาน้อยกว่า เพราะ ไม่มีเครื่องยนต์ และไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง จึงทำให้การดูแลรักษาเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาในการนำรถยนต์ไปเข้ารับการบำรุงรักษาบ่อยๆ
●ช่วยลดมลภาวะ สำหรับโลกของเราที่ตกอยู่ในสภาวะโลกร้อน รถยนต์ไฟฟ้าคือคำตอบที่เหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับการลดมลภาวะของโลก เพราะไม่มีการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ที่ก่อให้เกิดไอเสียและมลภาวะทางอากาศที่นำไปสู่ภาวะโลกร้อน เช่นควันไอเสียของรถยนต์ก็จะหายไป
5 แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจ
●Audi e-tron
Audi e-tron Sportback 55 quattro S line เป็นรถเอสยูวีทรงสปอร์ตคูเป้ สมรรถนะสูง ทรงพลัง ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นใหม่จากค่าย Audi ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบไฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตำแหน่ง ให้พละกำลังสูงสุดถึง 300 กิโลวัตต์ หรือ 408 แรงม้า ระยะทางวิ่งสูงสุด 463 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ทำให้มั่นใจในสมรรถนะที่จะตอบสนองการใช้งาน พร้อมความจุแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูงแบบ ลิเธียมไออน 95 kWh ด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ในเวลา 6.6 วินาที และ 5.7 วินาทีในบูสต์โหมด และทำความเร็วสูงสุดได้ 200 กม./ชม. ครับ สเปคสุดยอดไปเลยใช่มั้ยหล่ะครับ
●ORA Good Cat
รถยนต์ไฟฟ้าจชจากค่าย Great Wall Motor น้องใหม่ที่มาพร้อมกับความโดดเด่น น่ารักด้วยรูปลักษณ์โค้งมนสดใสคล้ายรถเต่า ดีไซน์แบบคลาสสิค มีการผสานเทคโนโลยีการขับขี่ด้วยเทคโลโนยีใหม่ล่าสุด ตัวรถดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 105 กิโลวัตต์ (143 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 210 นิวตัน-เมตร ให้อัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ภายใน 3.8 วินาที จำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 152 กม./ชม. ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์ ORA-Goddess Easy Drive ซึ่งมาพร้อมกับระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและยังชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (30%–>80%) ใช้เวลาประมาณ 32 นาที และ 40 นาที (ในรุ่น 500 Ultra), ชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC (0%–>80%) ใช้เวลาประมาณ 45 นาที และ ≈60 นาที (ในรุ่น 500 Ultra) กับการชาร์จไฟบ้านแบบ AC ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง และ 10 ชั่วโมง (ในรุ่น 500 Ultra)
●Tesla Model 3
รถยนต์ไฟฟ้าจาก Tesla มาพร้อมกับดีไซน์ทรงสปอร์ตที่สวยล้ำ หลังคากระจกพาดยาว ไม่มีท่อไอเสีย ทุกอย่างถือว่าสมบูรณ์แบบเป็นนวัตกรรมแห่งอนาคต นอกจากทาง Tesla ยังมีการพัฒนาระบบการควบคุมด้วยระบบ AI รวมไปถึงระบบขับอัตโนมัติให้ด้วย ซึ่งตอนนี้มีทั้งหมด 3 รุ่น คือรุ่น Standard, Long Range และ Performance ให้เลือกตามสไตล์การขับของแต่ละคนได้
●Mitsubishi Outlander PHEV
รถยนต์ไฟฟ้า SUV ที่น่าสนใจจาก Mitsubishi เป็นรถยนต์ไฟฟ้าระบบไฮบริด เปิดตัวเมื่อปี 2020 ในบ้านเรา ซึ่งรถยนต์ยี่ห้อนี้มีจุดเด่นตรงที่สามารถสลับโหมดกลับมาใช้น้ำมันได้ เหมาะเป็นรถครอบครัว เพราะมีห้องโดยสารที่กว้างขวาง และยังมีการรับประกันแบตเตอร์รี่ถึง 10 ปี หากใครที่อยากเริ่มขับรถยนต์ไฟฟ้าแต่กลัวว่าจะแบตหมดระหว่างทาง ก็สามารถลองเริ่มจากได้การใช้รถไฮบริดก่อนได้ แถมรุ่นใหม่ยังมีการพัฒนาให้วิ่งได้ไกลสุดถึง 700 กม. แต่ถ้าใช้โหมด EV 100% สามารถวิ่งได้ไกล 55 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เท่านั้น
●Mercedes-Benz EQB
เป็นรถยนต์ไฟฟ้าสุดล้ำของแบรนด์ EQ จาก Mercedes-Benz ที่นับว่าใช้พลังงานไฟฟ้าแบบ 100% มีทั้งหมด 7 ที่นั่ง เป็นรถที่ชาร์จไฟ 1 ครั้ง สามารถวิ่งได้ถึง 770 กิโลเมตร รับรองไฟฟ้าถึง 11 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จให้เต็มได้ภายใน 11 ชั่วโมง และเป็นรถที่เต็มไปด้วยฟังก์ชันเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีความหรูหราใช้หน้าจอแบบทัชสกีนที่มีขนาด 56 นิ้ว ใช้ระบบ LED ที่เชื่อมด้านหน้า ด้านข้างและด้านหลัง ออกแบบล้อรถยนต์ให้ทนต่อแรงเสียดทาน 0.20Cd
มีแต่รถยนต์ไฟฟ้าที่น่าสนใจกันทั้งนั้นเลยใช่มั้ยครับ หวังว่าท่านจะได้ความรู้ที่จะใช้ในการประกอบการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตครับ